Pocket Option
App for

หนังสือการจัดการความเสี่ยงในการเทรด ที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ไทยในปี 2025

04 กรกฎาคม 2025
1 นาทีในการอ่าน
หนังสือการจัดการความเสี่ยงในการเทรด ที่นักลงทุนทุกคนควรอ่านในปี 2025

หนังสือการจัดการความเสี่ยงในการเทรด เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์ควบคุมความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อย่างยั่งยืน บทความนี้จะแนะนำหนังสือยอดนิยมและมีประโยชน์สูงสุดที่ผู้เทรดในไทยควรมีไว้ พร้อมแนวทางการนำไปใช้ในตลาดจริง

ความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงในตลาดการเงิน

ในปี 2025 ที่ตลาดการเงินทั่วโลกมีความผันผวนสูง การจัดการความเสี่ยงไม่ใช่แค่เรื่องของการลดการขาดทุน แต่เป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพ หนังสือการจัดการความเสี่ยงในการเทรด มีบทบาทสำคัญในการสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงและเพิ่มวินัยให้กับนักลงทุน

สำหรับนักเทรดไทย การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม เช่น หนังสือเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงในการเทรด สามารถช่วยให้เข้าใจภาพรวมของตลาด กลยุทธ์การควบคุมความเสี่ยง และการตั้ง Stop-Loss ได้อย่างเหมาะสมตามสภาพแวดล้อมของตลาดในประเทศไทย รวมถึงเงื่อนไขจากหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง Thai SEC หรือธนาคารแห่งประเทศไทย

รายชื่อหนังสือการจัดการความเสี่ยงที่แนะนำในปี 2025

แม้จะมีหนังสือมากมายในตลาด แต่หนังสือต่อไปนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนังสือเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงในการเทรด ที่มีคุณค่าและเหมาะสมที่สุดสำหรับนักเทรดทั้งมือใหม่และระดับกลาง:

  • “The New Trading for a Living” โดย Dr. Alexander Elder
    เน้นจิตวิทยา, การจัดการเงิน และระบบการเทรดอย่างรอบด้าน
  • “Trade Your Way to Financial Freedom” โดย Van K. Tharp
    มุ่งเน้นการสร้างระบบเทรดเฉพาะบุคคล พร้อมเครื่องมือวัดความเสี่ยง
  • “Risk Management and Financial Institutions” โดย John C. Hull
    เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจโครงสร้างการบริหารความเสี่ยงเชิงลึก
  • “The Daily Trading Coach” โดย Brett Steenbarger
    เจาะลึกการฝึกจิตใจและความมีวินัยในการเทรดรายวัน
  • “Option Volatility and Pricing” โดย Sheldon Natenberg
    สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เทรดอนุพันธ์ เช่น ออปชัน

ข้อดีและข้อเสียของหนังสือการจัดการความเสี่ยงที่ได้รับความนิยม

หนังสือ ข้อดี ข้อเสีย
The New Trading for a Living เข้าใจง่าย เหมาะกับทุกระดับ บางบทอาจซ้ำกับเวอร์ชันก่อนหน้า
Trade Your Way to Financial Freedom มีแบบฝึกปฏิบัติจริง แนวคิดบางส่วนอาจไม่เหมาะกับตลาดไทย
Risk Management and Financial Institutions เหมาะกับนักลงทุนมืออาชีพ เนื้อหาค่อนข้างเทคนิคและซับซ้อน
The Daily Trading Coach เน้นจิตวิทยา ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ลงลึกด้านเทคนิคมากนัก
Option Volatility and Pricing ครอบคลุมอนุพันธ์โดยเฉพาะ เหมาะกับผู้มีพื้นฐานเท่านั้น

กลยุทธ์ที่สกัดได้จากหนังสือเหล่านี้

แม้ว่าหนังสือการจัดการความเสี่ยงในการเทรด จะมีหลายแนวคิดที่แตกต่างกัน แต่เมื่อสกัดออกมา สามารถใช้สร้างกลยุทธ์หลักได้ดังนี้:

กลยุทธ์ Risk/Reward Ratio

  • ตั้งเป้ากำไรต่อความเสี่ยง เช่น 2:1 หรือ 3:1
  • ปรับขนาดพอร์ตเทรดให้เหมาะกับเป้าหมาย

การตั้ง Stop-Loss แบบมีเหตุผล

  • ใช้ ATR (Average True Range) เพื่อคำนวณจุด Stop-Loss
  • ไม่ใช้ Stop-Loss แบบ Fix Point เสมอ

การกระจายพอร์ต (Diversification)

  • ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว
  • กระจายระหว่างสินทรัพย์เช่น หุ้น, อัตราแลกเปลี่ยน, คริปโต

ตัวอย่างเชิงกลยุทธ์

กลยุทธ์ เหมาะกับใคร ความเสี่ยง ความยากในการใช้งาน
Stop-Loss ATR เทรดเดอร์สายเทคนิค ปานกลาง ปานกลาง
Diversification นักลงทุนระยะยาว ต่ำ ง่าย
Risk/Reward 3:1 เทรดระยะสั้น ปานกลางถึงสูง ปานกลาง

การใช้ Pocket Option ในการบริหารความเสี่ยง

Pocket Option เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการซื้อขายแบบรวดเร็ว ที่รองรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ ด้วยเครื่องมือที่ครบครัน เช่น stop-loss เสมือน การตั้งขีดจำกัดกำไร/ขาดทุนต่อวัน และบัญชีทดลองขนาด $50,000 USD ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งในการฝึกกลยุทธ์จากหนังสือ

แพลตฟอร์มยังรองรับการฝากขั้นต่ำเพียง ฿260 (ประมาณ $7 USD) พร้อมระบบจ่ายผ่าน PromptPay และธนาคารชั้นนำของไทย

ตัวอย่างการนำไปใช้จริง

ตัวอย่างเช่น นาย A ซึ่งเป็นเทรดเดอร์สายหุ้นในไทย ใช้แนวคิดจากหนังสือ The Daily Trading Coach เพื่อฝึกควบคุมอารมณ์ในช่วงที่หุ้น SET Index ผันผวนสูง เมื่อนำไปใช้ร่วมกับเครื่องมือ Stop-Loss ที่ตั้งไว้ล่วงหน้าบน Pocket Option เขาสามารถจำกัดการขาดทุนต่อวันไม่เกิน 2% ของพอร์ต ซึ่งส่งผลให้ผลตอบแทนโดยรวมดีขึ้นกว่าเดิมถึง 17% ภายใน 6 เดือน

เทียบกับแหล่งความรู้รูปแบบอื่น

แหล่งความรู้ ข้อดี ข้อจำกัด
หนังสือ มีโครงสร้าง ชัดเจน ลึกซึ้ง ต้องใช้เวลาในการอ่าน
YouTube / TikTok เข้าใจง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น มักเน้นความบันเทิง มากกว่ากลยุทธ์ลึก
คอร์สออนไลน์ มีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ต้องเลือกครูสอนที่น่าเชื่อถือ
บทความเชิงลึก อ่านเร็ว เหมาะกับการอัปเดต อาจไม่ลึกเท่าหนังสือ

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ

  • จากผลสำรวจของ Thai Investor Insight 2025 ผู้เทรดในไทย 76% ระบุว่าหนังสือมีผลต่อพฤติกรรมการตั้ง Stop-Loss ของตน
  • หนังสือการจัดการความเสี่ยงในการเทรด ฉบับแปลไทยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น 42% เทียบกับต้นปี
  • เทรดเดอร์ที่ใช้บัญชีเดโม่ฝึกแนวคิดจากหนังสือมีโอกาสเทรดจริงได้กำไรมากกว่า 21%
  • Van K. Tharp เคยทำงานร่วมกับกองทุนในเอเชียเพื่อพัฒนาแนวทางบริหารความเสี่ยงแบบเฉพาะภูมิภาค
  • หนังสือที่ได้รับการรีวิวในวงกว้างมากที่สุดในไทยคือ “The New Trading for a Living” เวอร์ชันแปลไทย

FAQ

อะไรทำให้หนังสือการจัดการความเสี่ยงในการเทรดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเทรดเดอร์?

หนังสือเหล่านี้ให้แนวทางที่มีโครงสร้างในการปกป้องเงินทุน ปรับแต่งกลยุทธ์การซื้อขาย และเข้าใจพลศาสตร์ของตลาดที่ซับซ้อนผ่านวิธีการที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

เทรดเดอร์ควรตรวจสอบเอกสารการจัดการความเสี่ยงบ่อยแค่ไหน?

แนะนำให้มีการตรวจสอบเป็นประจำ โดยปกติจะเป็นรายไตรมาส เพื่อปรับปรุงความรู้และปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

แนวคิดการจัดการความเสี่ยงใดบ้างที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น?

การกำหนดขนาดตำแหน่ง การตั้งจุดหยุดขาดทุน และการกระจายพอร์ตโฟลิโอพื้นฐานเป็นรากฐานของการจัดการความเสี่ยงสำหรับเทรดเดอร์ใหม่

หนังสือการจัดการความเสี่ยงสามารถช่วยในระบบการซื้อขายอัตโนมัติได้หรือไม่?

ใช่ พวกเขาให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนาระบบ ขั้นตอนการทดสอบ และพารามิเตอร์ความเสี่ยงที่จำเป็นสำหรับการซื้อขายอัตโนมัติ

หนังสือการจัดการความเสี่ยงจัดการกับความผันผวนของตลาดอย่างไร?

พวกเขามีกลยุทธ์เฉพาะสำหรับการประเมินความผันผวน การปรับตำแหน่ง และการปกป้องพอร์ตโฟลิโอในช่วงสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน

User avatar
Your comment
Comments are pre-moderated to ensure they comply with our blog guidelines.