- ความต้องการเวลาจริงของแต่ละวิธี
- มุมมองและเครื่องมือที่จำเป็น
- และวิธีเลือกแนวทางที่เหมาะกับเวลาของคุณ
การเทรดแบบสวิง vs การเทรดรายวัน: ความแตกต่างที่สำคัญสำหรับนักเทรดที่ใส่ใจเวลา

เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง swing trading กับ day trading มืออาชีพที่มีตารางงานแน่นต้องการรูปแบบที่เข้ากับตารางเวลาของพวกเขา -- ไม่ใช่ที่ทำงานตรงข้ามกับมัน สำหรับคนที่ไม่สามารถดูกราฟทั้งวัน swing trading และ day trading เสนอสองเส้นทางที่แตกต่างกัน หนึ่งให้ความยืดหยุ่น อีกหนึ่งให้ความโฟกัส ทั้งสองอย่างสามารถใช้งานได้ แต่เฉพาะเมื่อพวกมันเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณเท่านั้น บทความนี้สำหรับมืออาชีพที่มีตารางงานแน่นซึ่งต้องการเพิ่มพูนเงินของพวกเขาโดยไม่ทำให้การเทรดกลายเป็นงานที่สอง
Article navigation
- 📃 ตารางเปรียบเทียบการใช้ชีวิตจริง
- ⚡ การตั้งค่า Day Trading (รวดเร็วและต้องการความเอาใจใส่สูง)
- 🧘 การตั้งค่า Swing Trading (ยืดหยุ่นและมีจุดโฟกัส)
- ⚡ ตัวอย่าง Day Trading: Breakout 5 นาที
- 🧘 ตัวอย่าง Swing Trading: การเด้งที่แนวรับ 4 ชั่วโมง
- 🔄 ถามตัวเอง:
- 👤 ความเหมาะสมกับบุคลิกภาพ
- 📊 ตัวอย่างรายสัปดาห์: เปรียบเทียบบัญชี 20,000 บาท
- 🧠 สิ่งนี้หมายความว่า
- 📃 บทสรุป
เราจะแนะนำ:
การเทรดไม่ได้เกี่ยวกับกลยุทธ์เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับโครงสร้าง มาหาสไตล์ที่เหมาะกับคุณกัน
ไม่ใช่ทุกสไตล์การเทรดจะเหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะเมื่อเวลามีจำกัด นี่คือมุมมองที่เป็นจริงเกี่ยวกับการเปรียบเทียบระหว่าง Swing Trading และ Day Trading เมื่อตารางเวลาของคุณมีความสำคัญ
📃 ตารางเปรียบเทียบการใช้ชีวิตจริง
ด้าน | Day Trading | Swing Trading |
การมีส่วนร่วมรายวัน | สูง – ต้องจับตาตลาดอย่างใกล้ชิด | ต่ำ – งานส่วนใหญ่ทำหลังตลาดปิด |
ระยะเวลาถือครอง | ไม่กี่นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมง | หลายวัน บางครั้งเป็นสัปดาห์หรือมากกว่า |
ความเร็วในการตั้งค่า | ต้องตัดสินใจเร็วและมีการตอบสนองที่รวดเร็ว | มีเวลาวางแผนและยืนยันสัญญาณ |
เครื่องมือที่จำเป็น | นิยมใช้การตั้งค่าหลายหน้าจอ | แล็ปท็อปหรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือก็เพียงพอ |
การเข้าถึงตลาด | ต้องการการเชื่อมต่อที่เสถียรและต่อเนื่อง | สามารถใช้การแจ้งเตือนและตรวจสอบตามกำหนดเวลา |
ระดับความเครียด | สูง – จังหวะเร็ว เทรดบ่อย | จังหวะสบายกว่า – เวลาหน้าจอน้อยลง ควบคุมได้มากขึ้น |
เหมาะสำหรับ | คนที่มีช่วงเวลาทำงานยืดหยุ่น | ผู้ที่ทำงานประจำหรือมีภารกิจสำคัญอื่นๆ |
🧠 สรุป:
หากคุณมีความยืดหยุ่นและชอบความเร็ว Day Trading อาจเหมาะกับคุณ
แต่หากคุณต้องการโครงสร้าง ความอดทน และอิสระ – Swing Trading ให้พื้นที่หายใจมากกว่า
🧩 ความต้องการในการตั้งค่า: สิ่งที่คุณต้องมีสำหรับแต่ละสไตล์
ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการเทรดแบบใด การมีการตั้งค่าที่เหมาะสมจะทำให้การดำเนินการราบรื่นขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องสมดุลกับชีวิตที่ยุ่ง
⚡ การตั้งค่า Day Trading (รวดเร็วและต้องการความเอาใจใส่สูง)
ในการประสบความสำเร็จใน Day Trading คุณต้องการมากกว่าแค่แอพเทรด:
- การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้ – ความล่าช้าทำให้เสียเงิน
- หลายจอภาพหรือการสลับหน้าจออย่างรวดเร็ว – เพื่อดูกราฟ ข่าวสาร และการดำเนินการ
- สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ – การแบ่งความสนใจ = พลาดการเทรด
- แพลตฟอร์มการเทรดพร้อมข้อมูลเรียลไทม์ – ไม่อนุญาตให้มีความล่าช้า (อินเทอร์เฟซการเทรดด่วนของ XYZ Trade เหมาะสำหรับการดำเนินการระยะสั้น)
- ตารางเวลาที่เคร่งครัด – คุณต้องจัดสรรเวลาทุกวันโดยไม่มีสิ่งรบกวน
📌 Day Trading เหมือนการผ่าตัด – ต้องการความแม่นยำ ความสงบ และไม่มีการขัดจังหวะ
🧘 การตั้งค่า Swing Trading (ยืดหยุ่นและมีจุดโฟกัส)
Swing Traders สามารถทำได้มากขึ้นด้วยทรัพยากรน้อยลง:
- แล็ปท็อปหรือแท็บเล็ตที่เข้าถึงเครื่องมือการสร้างกราฟ
- แอพกำหนดการหรือการแจ้งเตือนสำหรับโซนเข้า/ออก
- เวลาช่วงเย็นหรือวันหยุดสุดสัปดาห์สำหรับการวางแผน
- แพลตฟอร์มที่อนุญาตให้วางคำสั่งได้ง่ายตลอดเวลา (เช่น XYZ Trade ที่รองรับมือถือ)
📌 Swing Trading เหมือนหมากรุก – คุณวางแผน รอ แล้วจึงเคลื่อนไหว
การเลือกการตั้งค่าที่เหมาะสมไม่ได้เกี่ยวกับอุปกรณ์เท่านั้น แต่เป็นการสร้างพื้นที่และกิจวัตรที่ตรงกับสไตล์การเทรดของคุณ
📈 ตัวอย่างกลยุทธ์: หนึ่งสำหรับแต่ละสไตล์
คุณไม่จำเป็นต้องมีระบบที่ซับซ้อนในการเทรด แต่คุณต้องมีวิธีที่เหมาะกับเวลาที่มี นี่คือสองแนวทางที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพที่ปรับให้เข้ากับแต่ละสไตล์
⚡ ตัวอย่าง Day Trading: Breakout 5 นาที
- ตลาด: THB/USD (ไบนารีออปชั่นหรือ CFD)
- กราฟ: กรอบเวลา 5 นาที
- การตั้งค่า: ราคาทะลุออกจากโซนการรวมตัวที่แคบ
- ทริกเกอร์: เข้าเมื่อแท่งเทียนปิดเหนือช่วง พร้อมกับปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น
- กรอบเวลา: การเทรดเปิดและปิดภายใน 15-30 นาที
- การควบคุมความเสี่ยง: การจ่ายเงินคงที่หรือ SL ที่แคบ; เทรดในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูง
📌 นี่เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่สามารถนั่ง สแกน และตัดสินใจได้ทันที – ทั้งหมดภายในช่วงเวลาที่ควบคุม
🧘 ตัวอย่าง Swing Trading: การเด้งที่แนวรับ 4 ชั่วโมง
- ตลาด: ทองคำหรือ SET Index
- กราฟ: แท่งเทียน 4 ชั่วโมง
- การตั้งค่า: ราคาลดลงไปที่โซนแนวรับที่ทดสอบแล้ว
- ทริกเกอร์: แท่งเทียน Bullish Engulfing + การแยกตัวของ RSI
- ระยะเวลาการถือครอง: 2-4 วัน
- การควบคุมความเสี่ยง: เข้าเมื่อได้รับการยืนยัน, SL ต่ำกว่าแนวรับ, TP 2:1 หรือการตั้ง Trailing Stop
📌 เหมาะสำหรับคนที่สามารถวางแผนหลังเลิกงานและตรวจสอบ 1-2 ครั้งต่อวัน
🧠 ความเหมาะสมกับบุคลิกภาพและไลฟ์สไตล์: แบบไหนที่เหมาะกับคุณ
ไม่ใช่แค่เรื่องของกราฟ แต่เป็นเรื่องของวิธีคิด การตอบสนอง และการจัดโครงสร้างวันของคุณ สไตล์การเทรดที่ดีที่สุดคือสไตล์ที่คุณสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่สไตล์ที่ดูดีใน YouTube เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง Swing Trading กับ Day Trading การตัดสินใจมักจะขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นด้านเวลาและการโฟกัสทางจิตใจ วิธีหนึ่งเหมาะกับผู้ตัดสินใจที่รวดเร็ว อีกวิธีเหมาะกับนักวางแผนที่มีตารางเวลาแน่นอน
🔄 ถามตัวเอง:
- ฉันชอบการตัดสินใจที่รวดเร็วภายใต้ความกดดัน หรือฉันชอบคิดผ่านแผนมากกว่า?
- ฉันมีพลังในขณะนั้นมากกว่า หรือฉันให้คุณค่ากับการดำเนินการที่สงบและมีโครงสร้าง?
- ฉันสามารถอุทิศเวลาเต็มช่วงในระหว่างชั่วโมงตลาด หรือเฉพาะช่วงเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น?
👤 ความเหมาะสมกับบุคลิกภาพ
ลักษณะ | เหมาะที่สุด |
พลังงานสูง ตอบสนองเร็ว | Day Trading |
อดทน ชอบวิเคราะห์ | Swing Trading |
ขับเคลื่อนด้วยตารางเวลา | Swing Trading |
ชอบข้อมูลตอบกลับบ่อยๆ | Day Trading |
ทำงานเต็มเวลาหรือชอบเทรดพาร์ทไทม์ | Swing Trading |
คุณไม่สามารถเปลี่ยนบุคลิกภาพของคุณได้ แต่คุณสามารถเลือกสไตล์การเทรดที่เสริมบุคลิกภาพแทนที่จะขัดแย้งกับชีวิตของคุณ
📈 ความคาดหวังด้านกำไรและโปรไฟล์ความเสี่ยง
ทุกเทรดเดอร์ฝันถึงกำไร แต่การตรวจสอบความเป็นจริงคือสิ่งที่ทำให้บัญชียังคงอยู่ Swing และ Day Trading นำเสนอโอกาสที่แตกต่างกัน และด้วยเหตุนี้ ระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน การเลือกกรอบเวลาการเทรดที่เหมาะสมมีบทบาทสำคัญที่นี่ Day Traders พึ่งพากรอบที่สั้นกว่า (1 นาที-15 นาที) ในขณะที่ Swing Traders มุ่งเน้นที่ 4 ชั่วโมงถึงรายวันสำหรับบริบทและความแม่นยำในการเข้า
📊 ตัวอย่างรายสัปดาห์: เปรียบเทียบบัญชี 20,000 บาท
ตัวชี้วัด | Day Trading | Swing Trading |
เทรดเฉลี่ยต่อสัปดาห์ | 10-20 เทรด | 2-5 เทรด |
ความเสี่ยงเฉลี่ยต่อเทรด | ฿350-฿700 | ฿500-฿850 |
เป้าหมาย % ชนะ | ~50-60% | ~60-70% |
กำไรที่เป็นไปได้ต่อสัปดาห์ | ฿1,750-฿5,250 | ฿1,000-฿3,500 |
ความเร็วในการถดถอยปกติ | เร็ว – การขาดทุนไม่กี่ครั้งสามารถลุกลามได้ | ช้ากว่า – การเข้าน้อยลง มีพื้นที่มากขึ้น |
การเติบโตในกรณีที่ดีที่สุด | สูง แต่ยากที่จะรักษา | ปานกลาง เสถียรกว่า |
ความเสี่ยงของความเหนื่อยล้า | สูง – ความเหนื่อยล้าทางจิตใจสะสม | ต่ำถึงปานกลาง – สมดุลได้ง่ายกว่า |
🧠 สิ่งนี้หมายความว่า
- Day Traders ไล่ตามการตั้งค่ามากกว่าแต่เผชิญกับความผันผวนที่รุนแรงกว่า
- Swing Traders เคลื่อนไหวช้ากว่าแต่สามารถรักษาความสม่ำเสมอได้นานกว่า
- ด้วยทุนและเวลาที่จำกัด เป้าหมายไม่ควรเป็นการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ควรเป็นการปรับปรุงที่ยั่งยืน
ข้อได้เปรียบของคุณไม่ได้อยู่ในกลยุทธ์ของคุณเท่านั้น แต่อยู่ที่การรู้ว่าคุณสามารถจัดการได้โดยไม่มีการโอเวอร์โหลดทางอารมณ์
📃 บทสรุป
Swing Trading และ Day Trading ไม่ใช่แค่คำศัพท์ทางเทคนิค แต่เป็นกลยุทธ์ด้านเวลา สไตล์การเทรดที่ดีที่สุดสำหรับคุณไม่ใช่แบบที่โดดเด่นที่สุดหรือเร็วที่สุด แต่เป็นแบบที่เข้ากับกิจวัตรประจำวันที่แท้จริงของคุณ ช่วยให้คุณเทรดโดยไม่มีความเครียด และเพิ่มทุนของคุณในอัตราที่คุณสามารถรักษาไว้ได้ คู่มือนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับมืออาชีพที่มีงานประจำ – กลยุทธ์ที่เป็นจริงที่ช่วยให้คุณเพิ่มทุนโดยไม่ต้องเสียสละงานหลักหรือความรับผิดชอบของคุณ
เลือกวิธีที่ช่วยให้คุณโฟกัสได้ ไม่ใช่รีบเร่ง เพราะในการเทรด เช่นเดียวกับในชีวิต วินัยเอาชนะความเร็วทุกครั้ง
สำหรับผู้ที่สนใจในการเทรด ควรศึกษาข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดทุนในประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนของคุณเป็นไปตามกฎหมายและได้รับการคุ้มครองตามมาตรฐาน
📚 แหล่งข้อมูลและอ้างอิง
- Investopedia – ภาพรวมสไตล์การเทรด
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย – ข้อมูลการเทรดในประเทศไทย
- สำนักงาน ก.ล.ต. – กฎระเบียบการลงทุนในประเทศไทย
- กสิกรไทย – แพลตฟอร์มการเทรดและการลงทุน
FAQ
ฉันสามารถรวมสไตล์การเทรดทั้งสองได้หรือไม่?
ได้ แต่ต้องระมัดระวัง เริ่มต้นด้วยหนึ่งสไตล์ เรียนรู้จังหวะของมัน แล้วเพิ่มอีกสไตล์หนึ่งเฉพาะเมื่อเวลาของคุณและการมุ่งเน้นอนุญาต
สไตล์ไหนเริ่มต้นได้ง่ายกว่า?
สำหรับมืออาชีพที่ทำงานส่วนใหญ่ การเทรดแบบสวิง ให้อภัยมากกว่า — การตัดสินใจน้อยลง มีเวลาวางแผนมากขึ้น
ฉันต้องการเครื่องมือพิเศษสำหรับการเทรดแบบสวิงหรือไม่?
ไม่จริง แพลตฟอร์มการวิเคราะห์กราฟพื้นฐาน ระบบแจ้งเตือน และโบรกเกอร์อย่าง Pocket Option ที่มีการดำเนินการที่ยืดหยุ่นก็เพียงพอแล้ว
ฉันจะทำเงินน้อยลงในฐานะนักเทรดแบบสวิงหรือไม่?
ไม่จำเป็น คุณจะทำการเทรดน้อยลง แต่แต่ละการเทรดสามารถมีคุณภาพสูงกว่า ความสามารถในการทำกำไร ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอมากกว่าความถี่